วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

พฤติกรรมเด็กปฐมวัยเมื่อเด็กอายุ2-3ขวบ

จะสามารถทำอะไรได้ด้วยตนเอง ได้หลายอย่างแล้ว เลิกใช้ผ้าอ้อม และกินข้าวได้เอง จดจำคำพูดได้มากจนกระทั่งคุยกับผู้ใหญ่รู้เรื่อง และเป็นตัวของตัวเอง
เมื่อคนเราเริ่มเป็นตัวของตัวเอง ย่อมมีความต้องการอยู่กับพวกพ้อง เด็กจึงอยากเล่นกับเพื่อน แต่เมื่อให้เล่นกับเพื่อนจริงๆ เด็กวัยนี้ยังเล่นไม่ค่อยได้ เดี๋ยวเดียวก็ทะเลาะกัน
เด็กรู้จักพึ่งตนเองบ้างแล้ว แต่ยังไม่รู้จักการร่วมมือกับคนอื่น และถ้าขาดความร่วมมือก็จะอยู่ในสังคมไม่ได้
ในสังคมเมือง การอบอรมเด็กวัย2-3ขวบนี้ มีปัญหาอยู่ที่การหัดให้เด็กรู้จัก ร่วมมือปรองดองกับคนอื่น ครอบครัวสามารถสอนให้เด็ก รู้จักพึ่งคนเองได้
แต่เด็กไม่ค่อยยอมร่วมมือ แม้แต่พ่อกับแม่ เรามักเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า”วัยต่อต้าน”
วัยต่อต้านนี้ มิได้เกิดขึ้นกับเด็กทุกคน แต่มักจะเกิดขึ้นกับเด็กที่ถูกเลี้ยง อยู่แต่ในครอบครัว เด็กที่ถูกเลี้ยงรวมหมู่ ในสถานเลี้ยงเด็กจะไม่มี”วัยต่อต้าน”
และเมื่อถึงวัย2-3ขวบนี้ เด็กที่อยู่รวมหมู่ จะเริ่มรู้จักเล่นกับเพื่อน ด้วยความสามารถสามัคคีปรองดองกัน
การที่เด็กมี”วัยต่อต้าน”นั้น เป็นเพราะถูกเลี้ยงดูแต่เฉพาะในครอบครัว ซึ่งไม่สามารถสอนให้เด็ก รู้จักความร่วมมือกับคนอื่น เด็กจึงเกิดอาการ”ต่อต้าน”
เด็กสมัยก่อนและเด็กในชนบท ซึ่งเติบโตขึ้นมาในครอบครัวนั้น มีโอกาสเรียนรู้ เรื่องความร่วมมือเมื่อเริ่มพึ่งตนเองได้ เพราะเด็กสามารถ ออกไปเล่นนอกบ้านได้อย่างอิสระ ร่วมกับเด็กคนอื่นๆ โดยไม่ต้องกลัวอันตรายจากรถ
เด็กสมัยก่อนรวมกลุ่มเล่นกันมากๆ มีตั้งแต่เด็กโตจนถึงเด็กรุ่นจิ๋ว เด็กโตยอมให้เด็กเล็กเล่นด้วย เพราะเล่นหลายๆคนสนุกดี ดังนั้นเด็กเล็กๆจึงเรียนรู้เรื่องการ ร่วมมือรอมชอมกันไปตามธรรมชาติ เพราะรู้ว่าถ้าเอาแต่ใจตนเอง
แล้วตัวก็จะเข้าร่วมวงเล่นกับคนอื่นไม่ได้
แต่เด็กในเมืองสมัยนี้ ถูกห้ามให้ออกนอกบ้าน เนื่องจากมีภยันตรายนานัปการ และถึงออกไปได้ ก็ไม่มีสนามกว้างให้เด็กได้เล่นร่วมกันเป็น
โดยไม่มีผู้ใหญ่ควบคุม
เด็กสมัยก่อนมีโอกาสเช่นนี้ แม้การอบรมเลี้ยงดูในครอบครัวจะเข้มงวด แต่เด็กก็ยังมีช่องสำหรับระบาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น